การย้ายคนที่คุณรักเข้าไปอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ดูแลและช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราได้รวบรวมสัญญาณบ่งบอกว่าเมื่อไหร่ควรพิจารณาเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุให้กับคนที่คุณรัก เพื่อให้คุณเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองมากยิ่งขึ้น
การตัดสินใจย้ายคนที่คุณรักเข้าไปอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่สามารถตัดสินใจได้ในทันที เนื่องจากจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ ผู้ดูแลและคนในครอบครัวควรสังเกตสัญญาณบ่งชี้จากคนที่คุณรักเพื่อวางแผนเข้ารับการดูแลในเวลาที่เหมาะสม โดยสังเกตได้จากสัญญาณต่อไปนี้
ในบางครั้งผู้ป่วยอาจมีพฤติกรรมความรุนแรงและมีอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิด มีความรู้สึกต่อต้านและปฏิเสธที่จะรับการช่วยเหลือจากคนรอบข้าง จนทำให้ผู้ดูแลหรือคนในครอบครัวรู้สึกอึดอัดและไม่สามารถรับมือได้ หากคนที่คุณรักมีพฤติกรรมและอารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ จนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนในครอบครัว การย้ายผู้สูงอายุเข้าไปอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะเป็นการเปลี่ยนสังคมและสภาพแวดล้อม เพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียดของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล
ความรู้สึกแปลกแยกและไม่เป็นส่วนหนึ่งกับคนในครอบครัวมักมีสาเหตุมาจากความรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ หรือคิดว่าไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเท่าที่ควร จนอาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าและปลีกตัวออกจากคนในครอบครัว อาการเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยการพูดคุยและแสดงความรักระหว่างกัน รวมถึงการใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น
แต่หากท้ายที่สุดแล้วผู้ป่วยไม่มีความต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคนในครอบครัว รู้สึกเครียดหรือหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต การอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้ เนื่องจากผู้ป่วยจะได้เข้าไปอยู่ในสังคมใหม่ ทำความรู้จักกับผู้เข้าพักรายอื่นๆ ที่เข้าใจกันและสามารถแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตรวมถึงให้กำลังใจซึ่งกันและกันได้
ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในระยะกลางจะมีความเสี่ยงต่อการเดินออกจากที่พักโดยไม่มีจุดหมาย และเมื่อเดินออกไปแล้วจะหาทางกลับบ้านไม่ได้ เพราะไม่สามารถจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเองได้ ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุและสูญหาย หากคนที่คุณรักป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม มักมีอาการหวาดระแวง หรือรู้สึกเครียด และอยากออกจากบ้านเพียงลำพังบ่อยครั้ง การย้ายผู้สูงอายุเข้าไปอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนในครอบครัวว่าคนที่คุณรักจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงขณะอยู่ภายในศูนย์
นักวิชาการกล่าวว่า การที่สมองรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาเพราะความเครียด จะทำให้ความอยากอาหารลดลง นอกจากนี้การดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ ผู้ดูแลรู้สึกว่าไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง รู้สึกท้อแท้ และไม่อยากให้การดูแลอีกต่อไป หากคุณกำลังมีอาการเหล่านี้ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่จะแบ่งเบาภาระหนักและแก้ไขปัญหาสุขภาพของคุณและคนที่คุณรักได้
ผู้ดูแลและคนในครอบครัวจะต้องยอมรับขีดจำกัดของตัวเองในการให้การดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ และทำความเข้าใจว่าการย้ายผู้ป่วยไปอยู่ในศูนย์ดูแลไม่ใช่การทอดทิ้ง แต่เป็นการมอบการดูแลที่เหมาะสมโดยผู้เชี่ยวชาญให้กับคนที่คุณรัก นอกจากนี้ควรปรึกษากันภายในครอบครัว หากตัวผู้ป่วยยังสามารถเข้าใจและสื่อสารได้ ควรพยายามพูดคุยและอธิบายถึงประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับ จากนั้นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ดูแลหลายๆ แห่ง เพื่อวางแผนการดูแลและพิจารณาเลือกสถานที่ที่มีความเหมาะสมที่สุด